Burnout ภาวะหมดไฟในการทำงาน หลังจากการหยุดยาว

Burnout ภาวะหมดไฟในการทำงาน หลังจากการหยุดยาว

Posted on : July 30, 2024
820

กลับมาทำงานแล้วรู้สึกเหนื่อยล้า หมดไฟ? หลายคนคงเคยประสบกับอาการนี้หลังจากวันหยุดยาวใช่ไหมคะ?
ภาวะ Burnout หรือการหมดไฟในการทำงานนี้ เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานออฟฟิศ คนทำงานอิสระ หรือแม้แต่คนที่กำลังศึกษาอยู่

Burnout คืออะไร?

Burnout เป็นภาวะที่เกิดจากความเครียดสะสมเรื้อรัง ทำให้ร่างกายและจิตใจอ่อนล้า หมดแรง และสูญเสียความกระตือรือร้นในการทำงาน หรือทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน อาการของ Burnout อาจรวมถึง

  • รู้สึกเหนื่อยล้าตลอดเวลา: แม้จะพักผ่อนเพียงพอแล้ว
  • ขาดแรงจูงใจในการทำงาน: รู้สึกเบื่อหน่ายกับงานที่เคยชอบ
  • มีปัญหาในการงาน: สมาธิสั้น ทำงานผิดพลาดบ่อย
  • อารมณ์แปรปรวน: หงุดหงิดง่าย โมโหง่าย
  • นอนไม่หลับ: หรือหลับไม่สนิท
  • เจ็บป่วยบ่อย: ร่างกายอ่อนแอลง

ทำไมถึงเกิด Burnout หลังหยุดยาว?

  • การปรับตัว: การเปลี่ยนแปลงจากช่วงเวลาที่ผ่อนคลายมาเป็นช่วงเวลาที่ต้องทำงานหนัก อาจทำให้ร่างกายและจิตใจปรับตัวไม่ทัน
  • ความคาดหวัง: การตั้งเป้าหมายในการทำงานที่สูงเกินไป หรือความคาดหวังที่ไม่สมจริง อาจทำให้รู้สึกกดดันและเหนื่อยล้า
  • ปัญหาสะสม: ปัญหาต่างๆ ที่ค้างคาไว้ก่อนหยุดยาว อาจกลับมาสร้างความเครียดได้อีกครั้ง

วิธีรับมือกับ Burnout หลังหยุดยาว

ปรับตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป:

  • เริ่มต้นอย่างเบาๆ: ไม่จำเป็นต้องกลับมาทำงานหนักเต็มที่ในทันที
  • แบ่งงานเป็นส่วนย่อย: การแบ่งงานออกเป็นส่วนย่อยๆ จะช่วยให้รู้สึกว่างานไม่หนักเกินไป และง่ายต่อการจัดการ
  • ตั้งเป้าหมายที่เป็นจริง: ตั้งเป้าหมายที่สามารถทำได้จริง และค่อยๆ เพิ่มความยากขึ้นเรื่อยๆ
  • ให้รางวัลตัวเอง: เมื่อทำเป้าหมายสำเร็จ ให้รางวัลตัวเองบ้าง เช่น การพักผ่อน หรือทำกิจกรรมที่ชอบ

ดูแลสุขภาพกาย:

  • พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน จะช่วยให้ร่างกายได้ฟื้นฟู
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุข ช่วยลดความเครียด
  • ทานอาหารที่มีประโยชน์: อาหารที่มีประโยชน์จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอ
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำช่วยให้ร่างกายสดชื่นและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดูแลสุขภาพใจ:

  • หาเวลาผ่อนคลาย: ทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น การฟังเพลง อ่านหนังสือ ดูหนัง หรือทำสมาธิ
  • พูดคุยกับคนรอบข้าง: การพูดคุยกับเพื่อน ครอบครัว หรือคนที่ไว้ใจ จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น
  • หาที่ปรึกษา: หากรู้สึกว่าปัญหาหนักเกินกว่าจะรับมือได้เอง อาจปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา

จัดการเวลา:

  • วางแผนการทำงาน: การวางแผนการทำงานล่วงหน้าจะช่วยให้คุณรู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง และจัดลำดับความสำคัญของงานได้
  • กำหนดเวลาพัก: กำหนดเวลาพักระหว่างทำงาน เพื่อให้ร่างกายและจิตใจได้พักผ่อน
  • หลีกเลี่ยงการทำงานล่วงเวลา: การทำงานล่วงเวลาบ่อยครั้ง จะทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าและเครียดมากขึ้น

     

การรับมือกับอาการ Burnout หลังหยุดยาว ต้องอาศัยความพยายามและความอดทน การดูแลทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขมากขึ้น หากคุณรู้สึกว่าอาการ Burnout ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของคุณอย่างมาก ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม

คำแนะนำเพิ่มเติม:

  • ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในการทำงาน: ลองเปลี่ยนมุมมองในการทำงาน หรือปรับเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงาน เช่น ตกแต่งโต๊ะทำงานใหม่ หรือหาสถานที่ทำงานใหม่ๆ
  • เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ: การเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ จะช่วยให้คุณรู้สึกท้าทายและมีแรงบันดาลใจในการทำงานมากขึ้น
  • ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงาน: การขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงานจะช่วยแบ่งเบาภาระงาน และทำให้คุณรู้สึกไม่โดดเดี่ยว

อย่าลืมว่าการดูแลสุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญมากนะคะ
 

หมายเหตุ: บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับอาการ Burnout และวิธีการรับมือเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาเพื่อทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ หากคุณมีอาการที่รุนแรง ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต

#Burnout #สุขภาพจิต #ดูแลตัวเอง #SOCOWORK #ทำงานอย่างมีความสุข